สสว. ผนึกกำลังสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวฯ

สสว. ผนึกกำลังสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวฯ ขานรับภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์  หนุน SME Restart เร่งอบรมเตรียมความพร้อมผู้ประกอบการ เพิ่มศักยภาพให้วิสาหกิจรายย่อย เดินหน้าสู่การท่องเที่ยววิถีใหม่ ฟื้นเศรษฐกิจไทย

สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ร่วมกับ สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจัดงานแถลงข่าวและกิจกรรมการอบรมและการลงพื้นที่เตรียมความพร้อมผู้ประกอบการ โครงการเพิ่มศักยภาพในการประกอบธุรกิจให้กับผู้ประกอบการวิสาหกิจรายย่อย กิจกรรมส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจท่องเที่ยวสู่การท่องเที่ยววิถีใหม่ (SME Restart) ปีงบประมาณ 2564 ระหว่างวันที่ 3-4 กรกฎาคม 2564  ณ โรงแรมในยาง บีช รีสอร์ท แอนด์ สปา จังหวัดภูเก็ต
นายณรงค์ วุ่นซิ้ว  ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2564 ในหลักการแนวทางการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้วจากประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำและปานกลางของจังหวัดภูเก็ต (ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์) ตามข้อเสนอของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และเริ่มดำเนินการเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมา ขณะเดียวกันสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ สสว. ซึ่งมีบทบาทหน้าที่ในการส่งเสริม พัฒนาและให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ MSME ได้ร่วมกับ สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จัดกิจกรรมส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจท่องเที่ยวสู่การท่องเที่ยววิถีใหม่ (SME Restart) เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับธุรกิจการท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต รวมทั้งเพิ่มศักยภาพและพัฒนาทักษะในด้านต่างๆ (Reskill Upskill) ตอบสนองนโยบายดังกล่าวของรัฐบาลอย่างรวดเร็ว จึงนับเป็นเรื่องน่ายินดีอย่างยิ่ง เพราะจะทำให้เกิดต้นแบบองค์ความรู้เกี่ยวกับการท่องเที่ยววิถีใหม่ให้ผู้ประกอบการได้ศึกษาและนำไปปรับใช้ รวมถึงเตรียมความพร้อมเพื่อรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่คาดว่าจะเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศกว่า 3 ล้านคน ซึ่งจะสร้างรายได้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้กับประเทศต่อไป
“ในอดีตประเทศไทยสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวได้เป็นจำนวนมหาศาล โดยในปี 2562 มีมูลค่าสูงถึง 3.3 ล้านล้านบาท และจังหวัดภูเก็ตเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก สร้างรายได้เข้าสู่ประเทศเป็นลำดับต้นๆ ของจังหวัดที่มีรายได้หลักจากการท่องเที่ยว แต่การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ก่อให้เกิดวิกฤติการณ์ต่อผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวโดยเฉพาะในกลุ่ม SME และ Micro SME โครงการ SME Restart ในครั้งนี้จึงนับเป็นแรงหนุนเสริมที่สำคัญต่อ ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ ที่จะขยายผลไปสู่ภาคการท่องเที่ยวในพื้นที่อื่นๆ ต่อไป” ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าว
รองศาสตราจารย์ ดร.วีระพงศ์  มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กล่าวว่า  อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเป็นอุตสาหกรรมหลักของไทยที่สร้างรายได้ให้กับประเทศมากกว่าปีละ 3 ล้านล้านบาท หรือประมาณ 20% ของ GDP มีอัตราการจ้างงานมากกว่า 4 ล้านคน  ซึ่งกว่าหนึ่งแสนรายเป็นผู้ประกอบการ SME หรือ Micro SME และเมื่อเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ผู้ประกอบการท่องเที่ยว SME ถือเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด เนื่องจากมีทุนสำรองและสินทรัพย์ไม่มาก อีกทั้งยังเข้าถึงแหล่งเงินกู้ได้ยาก จึงจำเป็นต้องปิดตัวชั่วคราวไปมากกว่า 50% ดังนั้นเมื่อนายกรัฐมนตรีได้ประกาศแผนการเปิดประเทศ 120 วัน โดยใช้ Phuket Sandbox เป็นจังหวัดนำร่อง ผู้ประกอบการ SME ในกลุ่มท่องเที่ยว จึงยังขาดความพร้อมในการกลับมาดำเนินธุรกิจ ทั้งด้านมาตรฐาน เทคโนโลยี ทุนทรัพย์ และด้านองค์ความรู้เพื่อรองรับรูปแบบการท่องเที่ยวที่เปลี่ยนไป สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม จึงได้ร่วมมือกับสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จัดกิจกรรมส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจท่องเที่ยวสู่การท่องเที่ยววิถีใหม่ 4 จังหวัดนำร่อง คือ ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี กระบี่และพังงา เพื่อเพิ่มศักยภาพในการประกอบธุรกิจให้กับผู้ประกอบการวิสาหกิจรายย่อย ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวทั้งระบบ ทั้งนี้เพื่อให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวกลับมาเข้มแข็งขึ้นและเป็นกำลังสำคัญในการฟื้นฟูเศรษฐกิจและกระจายรายได้ให้ประเทศอีกครั้ง
“โครงการ SME Restart จะเตรียมความพร้อมให้กับผู้ประกอบการธุรกิจการท่องเที่ยวและสร้างความเชื่อมั่นและความมั่นคงให้กับผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว รวมทั้งสร้างต้นแบบองค์ความรู้ในการพัฒนาธุรกิจท่องเที่ยวสู่การท่องเที่ยววิถีใหม่ให้ผู้ประกอบการภาคการท่องเที่ยวทั่วประเทศ ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทยให้ฟื้นคืน โดยคาดหมายว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศกว่า 100,000 คน สร้างรายได้ว่า 8.9 พันล้านบาท ภายใน 3 เดือน” ผอ. สสว. กล่าว
ด้าน นายชำนาญ  ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อเศรษฐกิจไปทั่วโลก รวมถึงระบบเศรษฐกิจของประเทศไทยด้วย โดยเฉพาะธุรกิจการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมภาคบริการที่มีบทบาทสำคัญในระบบเศรษฐกิจของประเทศไทย เพราะนอกจากจะสร้างรายได้โดยมีมูลค่าเป็นอันดับหนึ่งของการค้าบริการรวมของประเทศแล้ว ยังเป็นอุตสาหกรรมที่ก่อให้เกิดธุรกิจต่อเนื่อง อาทิ โรงแรมและที่พัก ภัตตาคารร้านอาหาร ร้านจำหน่ายของที่ระลึกและสินค้าพื้นเมือง ซึ่งก่อให้เกิดการลงทุน การจ้างงาน และการกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น รวมทั้งสามารถสร้างรายได้เข้าสู่ประเทศในรูปเงินตราต่างประเทศปีละหลายแสนล้านบาท รัฐบาลได้ออกมาตรการต่างๆ เพื่อควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19รวมถึงบรรเทาผลกระทบด้านเศรษฐกิจของประเทศอย่างต่อเนื่อง นำมาสู่ Phuket Sandbox ที่เป็นความหวังครั้งสำคัญของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ
“โครงการนี้เป็นการขานรับ Phuket Sandbox เตรียมความพร้อมให้กับผู้ประกอบการธุรกิจการท่องเที่ยวในการก้าวเข้าสู่การท่องเที่ยววิถีใหม่ โดยจะเริ่มที่ 4 จังหวัดนำร่อง คือ ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี กระบี่และพังงา มีเป้าหมายในการเสริมศักยภาพผู้ประกอบการให้ได้ไม่น้อยกว่า 1,000 ราย โดย สสว. และ สทท. จะร่วมกันผลักดันเพื่อให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทยกลับมาเข้มแข็งได้อีกครั้ง” ประธาน สทท. กล่าว